เรื่องจริงเกี่ยวกับสิว 10 เรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู้
มาเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ เรารักเพื่อน ๆ และครอบครัวของเรา (อย่างน้อยก็เกือบตลอดเวลา) แต่ว่ากี่ครั้งแล้วที่หนึ่งในนั้นพูดอะไรบางอย่างประมาณว่า...
• วันนี้ผิวของเธอดูแย่จัง...
• เธอกินอาหารขยะมากเกินไปหรือเปล่า?
• การแต่งหน้าของเธอทำให้รูขุมขนอุดตัน...
• ผิวของเธอดูจะมันนะ...
• ผิวของเธอดูจะแห้งนะ...
• เธอล้างหน้าบ้างหรือเปล่า?
• เธอต้องเลิกบีบสิวนะ!
เฮ้อ ! ยังคงถูกกล่าวโทษอย่างไม่มีเหตุผล จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกครั้งที่มีสิวใหม่เกิดขึ้น เราจะรู้สึกทันทีว่าเป็นความผิดของเรา ครั้งต่อไปที่สิวเกิดขึ้น อย่าโทษตัวเองเพราะว่ามีบางสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับสิว
1. หยุดโทษตัวเอง!
สิวไม่ใช่ความผิดของคุณ เราขอย้ำอีกครั้งว่า: สิวไม่ใช่ความผิดของคุณ!
น่าเสียดาย เมื่อเป็นสิว 9 ใน 10 ครั้ง ที่สิวของเราไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากสิ่งที่เรา "ทำ" สิวเป็นโรคที่มีการอักเสบ ซึ่งเกือบทุกคนต้องเคยเป็นในช่วงหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น
2. คุณไม่ได้โดดเดี่ยว
เมื่อคุณเลื่อนดูอินสตาแกรม อาจรู้สึกว่าคุณเป็นคนเดียวที่มีปัญหาผิว แต่อย่าให้ฟิลเตอร์เหล่านั้นหลอกคุณ สิวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากอย่างไม่น่าเชื่อ และวัยรุ่นมากกว่า 85% จะต้ต้องเคยประสบปัญหาสิวในชีวิต1 Even Lorde, Lili Reinhart และ Jade Tuncdoruk ได้พูดถึงปัญหาเรื่องผิวหนังของพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณส่องกระจก จงรู้ไว้ว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยว
3.แบคทีเรียทำให้เกิดสิว
• ฮอร์โมนของคุณเพิ่มการสร้างไขมันบนใบหน้า
รูขุมขนมีต่อมเล็ก ๆ (เรียกว่า ต่อมไขมัน) ที่จะสร้างไขน้ำมันตามธรรมชาติ (เรียกว่า ซีบัม) หากต่อมเหล่านี้มีความไว ฮอร์โมนของคุณ (ที่เรียกว่า แอนโดรเจน) อาจทำให้เราสร้างซีบัมส่วนเกิน (หรือที่เรียกว่า น้ำมันส่วนเกิน)
• เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วของคุณ
เมื่อเซลล์ผิวหนังรอบ ๆ รูขุมขนของคุณตาย (ใช่แล้ว พวกมันไม่ได้อยู่ตลอดไป) และไปผสมกับไขมันส่วนเกิน ส่วนผสมนี้จะจับตัวกันเป็นก้อนและติดอยู่ภายในรูขุมขนและเริ่มอุดตัน
• เชื้อแบคทีเรียเข้าไป
เมื่อไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมในรูขุมขน ภาวะนี้จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญของแบคทีเรียบางชนิดได้ แบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว (C. acnes สำหรับชื่อวิทยาศาสตร์) จะเริ่มเจริญและจะขยายจำนวนมากขึ้นจนรูขุมขนบวมแดง และในบางกรณีเกิดหนอง (ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือ เซลล์เม็ดเลือดขาว) จะสะสมและไหลออกมาจากผิวหนัง
4. สิวแต่ละแบบไม่เหมือนกัน
เมื่อเกิดสิวหรือสิวเห่อมากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าคุณกำลังเป็นสิวประเภทใด ต่อไปนี้คือรายละเอียดของสิวประเภทต่าง ๆ และสิวที่มักเกิดขึ้นได้บ่อย
• สิวระดับไม่รุนแรง
สิวระดับไม่รุนแรง เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังอักเสบเพียงเล็กน้อย แต่มีสิวหัวขาว (มีรูขุมขนอุดตัน) และ/หรือ สิวหัวดำ (รูขุมขนอุดตันแบบเปิดที่มองเห็นได้ง่าย) เกิดขึ้น
• สิวระดับปานกลาง
สิวของคุณจะถือว่าอยู่ในระดับปานกลางหากมีสิวหัวขาว สิวหัวดำ และสิวอักเสบระยะเริ่มต้น (เรียกว่า papules) หรือสิวอักเสบมีหนอง (เรียกว่า pustules)
• สิวระดับรุนแรง
สิวระดับรุนแรง เกิดจากมีสิวดังที่กล่าวมาข้างต้นผสมกัน และคุณก็ยังจะมีสิวซีสต์ (cystic acne) ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังอีกด้วย ซึ่งสิวซีสต์นี้อาจมีขนาดใหญ่ เจ็บ และทำให้เกิดรอยแดงรุนแรงบนผิวหนัง
5. สิวทุกชนิดรักษาได้
ข่าวดีก็คือว่า สิวสามารถรักษาได้ การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับสิวทั้งในระดับไม่รุนแรงและปานกลางคือ รักษาด้วยการดูแลผิวเป็นประจำซึ่งได้แก่ การทำความสะอาด การดูแล และการให้ความชุ่มชื้น และสิ่งสำคัญคือผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาของคุณจะต้องมีส่วนผสมสำคัญในการต่อสู้กับสิว เช่น benzoyl peroxide หรือกล่าวแบบตรง ๆ ก็คือ ส่วนผสมนี้ช่วยดูแลปัญหาสิวได้ดี
6. การรักษาสิวแต่ละแบบไม่เหมือนกัน
หากคุณเป็นสิวระดับรุนแรง ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่จำหน่ายทั่วไปตามร้านขายยา อาจจะไม่เพียงพอที่จะช่วยรักษาสิวให้หายได้ ดังนั้นคุณอาจจะต้องพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อพิจารณาถึงการรักษาแบบอื่นร่วมด้วย
7. วิธีการรักษาสิวบางชนิดอาจทำให้ผิวแห้งก่อนที่สิวจะดีขึ้น
ในระยะแรกของการใช้ benzoly peroxide ผิวของคุณอาจจะแห้ง หรือมีอาการระคายเคือง ซึ่งระหว่างนี้ผิวของคุณจะอยู่ในช่วงปรับตัว คุณสามารถใช้ benzoly peroxide เพื่อรักษาสิวแบบวันเว้นวัน หรือเริ่มใช้จากความเข้มข้นน้อย แล้วค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เมื่อผิวสามารถปรับตัวได้แล้ว
ขั้นตอนที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับการต่อสู้กับผิวแห้งคือ หลังจากทายารักษา คุณต้องให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง ทั้งช่วงเช้าและช่วงกลางคืน เลือกผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันเสมอ เช่น เบนแซค ไมโครไบโอม อีควอไลเซอร์
8.การบีบสิวจะทำให้อาการแย่ลง
ไม่มีอะไรน่าสบายใจไปกว่าการบีบสิวที่พึ่งเกิดใหม่ ไม่เชื่อเราเหรอ? มีเหตุผลว่าทำไม Dr. Pimple Popper จึงมีสมาชิกมากกว่าห้าล้านคนบนช่อง YouTube ของเธอ แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มจัดการกับใบหน้าของคุณ ให้หยุดก่อน! การบีบสิวสามารถทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เมื่อคุณบีบสิว จะทำให้คุณสามารถแพร่กระจายแบคทีเรียไปยังส่วนอื่น ๆ บนใบหน้าได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ต่อสู้กับสิวทำงานแทน แต่หากสิวของคุณเป็นมากเกินรับมือจริง ๆ ควรไปพบแพทย์ผิวหนังและให้พวกเขาช่วยจัดการเรื่องนี้จะดีกว่า
9. SPF เป็นสิ่งสำคัญ
เราทุกคนรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออยู่กลางแสงแดดมากเกินไปโดยไม่ทาครีมกันแดด แต่เรามีเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คุณรู้ทันเรื่องแสงแดด เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี benzoyl peroxide ผิวของคุณจะมีความไวต่อแดดมากขึ้น เสี่ยงต่อการถูกแดดเผามากขึ้น การถูกแดดเผาเป็นเรื่องที่ไม่ดีนักด้วยหลายสาเหตุ แต่ถ้าคุณมีสิว ก็อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ และอาจถึงขั้นทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และเป็นขุยมากขึ้นอีกด้วย ในตอนเช้าหลังจากทำความสะอาดและบำรุงความชุ่มชื้นผิวด้วย Benzac Microbiome Equaliser Lotion ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพิ่ม
10. สิวไม่อาจหายไปเพียงชั่วข้ามคืน
สิวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน อันที่จริงมันเป็นกระบวนการช้า ๆ ซึ่งเริ่มต้นเกิดขึ้นใต้ผิวหนังเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้สิวจึงไม่สามารถหายไปในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน การใช้ผลิตภัณฑ์รักษาที่มี benzoyl peroxide มีประสิทธิภาพดีกว่าในการกำจัดสิว แต่คุณต้องอดทนรอเวลาและต้องใช้ยาต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยจะเริ่มเห็นผลที่ดีขึ้นในสัปดาห์ที่สองของการใช้ยาแต้มสิว เรื่องนี้อาจทำให้หงุดหงิด แต่จงมุ่งมั่นที่จะกำจัดสิวเหล่านั้นออกไป
อย่างที่คุณเห็น คุณไม่ได้เป็นสิวเพราะ “สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่” สิวเป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก ซึ่งเกือบทุกคนจะต้องเคยเป็นสิวบ้างในช่วงชีวิต ดังนั้นครั้งต่อไปที่เกิดสิว อย่าโทษตัวเอง! เรียนรู้ข้อเท็จจริงและปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลผิวเพื่อป้องกันและรักษาสิว
(1) Ayer J, Burrows N. Acne: more than skin deep. Postgraduate medical journal. 2006 Aug 1;82(970):500-6


